แนวคิดและหลักการ
การจัดการเรียนรู้ ศตวรรษที่ 21


  • การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นแนวคิดที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก ในปัจจุบัน ที่เป็นผลกระทบมาจากความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล
  • ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ต้องกลับมาทบทวนพัฒนาหลักสูตรและการจัดการศึกษา รวมทั้งการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ให้ผู้เรียนในฐานะเป็นพลเมืองของชาติ ให้มีความพร้อมสำหรับการดำรงชีวิต การเรียนรู้ และการทำงาน ในศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นรูปธรรม
  • สำหรับประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่ศตวรรษที่ 21
  • โดยมีการกำหนดสมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียน และมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม มีความเป็นไทย ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานก็มีการกำหนดยุทธศาสตร์ ในการ เตรียมความพร้อมผู้เรียนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก
  • โดยมุ่งสร้างผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ในการสร้างผู้เรียนให้มีศักยภาพ ทักษะ และความรู้พื้นฐานในการดำรงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 นั้น
  • จะต้องอาศัยการจัดการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการคิด การเรียนรู้ ผ่านโครงงานหรือโครงการการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้น การเรียนรู้ในรูปของการค้นคว้าด้วยตนเอง
  • ซึ่งเป็น พื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) รวมถึงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ แสวงหาความรู้ของผู้เรียน
  • ผู้สอน ได้เล็งเห็นความสำคัญของนโยบายปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้เรียน รองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนและยกระดับศักยภาพ ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล จึงได้จัดทำ Blog Sites หรับใช้เป็นแนวทางจัดการเรียนการสอน
  • เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาประเทศ อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน โดยดำเนินการจัดทำแนวทางการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21ตามหลักการสำคัญต่อไปนี้
    • 1. มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนรักที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถเรียนรู้พัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • 2. มุ่งเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด ทักษะชีวิต และทักษะด้านการจัดการข้อมูล สารสนเทศ อย่างมี ประสิทธิภาพ (Information Technology)
    • 3. มุ่งฝึกฝนให้ผู้เรียนสามารถสืบค้นข้อมูล (Data) จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ สามารถวิเคราะห์ความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และสามารถแปลงข้อมูลเป็นความรู้ (Knowledge) เพื่อนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • 4. มุ่งสร้างเสริมนิสัยใฝ่เรียนรู้ และฝึกฝนทักษะวิธีการเรียนรู้แก่ผู้เรียน (Learning skill) ให้สามารถเข้าถึง แหล่งข้อมูลความรู้ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล สามารถนำมาใช้ในการเรียน การทำงาน และการ ดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อเมริกันพื้นเมือง (อินเดียนแดง) กับคนขาว ตอนที่ 1.

อเมริกันพื้นเมือง (อินเดียนแดง) กับคนขาว
ตอนที่ 1.
  • ความโหดร้ายและความรุนแรง ต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นกับชาวพื้นเมืองอเมริกัน ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ก่อนการมาถึงของนักสำรวจชาวยุโรป ชาวอเมริกันพื้นเมืองตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในสหรัฐฯอเมริกา มาเนิ่นนานหลายพันปี ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่มีกว่า 500 ชนเผ่า แต่ละเผ่ามีความแตกต่างด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์

ความเป็นมาของอเมริกันพื้นเมือง (อินเดียนแดง)
  • เมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อน มีการอพยพของชนเร่ร่อนเดินทางข้ามสะพาน แห่งอลาสก้า ที่เชื่อมต่อระหว่าง แผ่นดินเอเชีย กับ แผ่นดินอเมริกา สะพานแผ่นผืนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทอดข้ามผ่านทะเลแบริ่ง จากแผ่นดินเอเชีย มายังแผ่นดิน อเมริกา คนเหล่านี้ถูกเรียกขานกันว่า ชนพื้นเมืองอเมริกัน ชนเผ่าส่วนใหญ่มาจากรากฐานเดียวกัน จากหลักฐานทาง ดีเอ็นเอ บ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันพื้นเมืองมีเชื้อสายสืบทอดมาจาก ยีนส์ รากฐานบรรพบุรุษ ของพวกเขาอยู่ในเอเชียตะวันออก (ในบางทฤษฎีบอกว่าพวกเขาไม่ได้มาจากเอเชียตะวันออก ทั้งหมด แต่มาจากเอเชียกลาง และกลุ่มประเทศบริเวณ รัสเซีย ในปัจจุบัน)ในยุคสมัยอารยธรรมโคลวิส เมื่อประมาณ 12,000 - 13,000 ปีก่อน ในช่วงยุคน้ำแข็งที่กินเวลาเนิ่นนานหลายพันปี ทำให้ธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งขยายตัวมีขนาดใหญ่จนเป็นสะพานข้ามจากทวีปเอเชีย มาถึงทวีปอเมริกา (ยุคน้ำแข็งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อ 21,500 - 13,000 ปีที่ผ่านมา) หลังจากได้ตั้งถิ่นฐานบนทวีปอเมริกาเหนือ ไปจนถึง ทวีปอเมริกาใต้ ชนพื้นเมืองอเมริกัน มีจำนวนกว่า 18 ล้านคน
  • ในปี ค.ศ.1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (นักสำรวจชาวยุโรป) ออกเดินทางสำรวจไปถึงทวีปอเมริกา ในศตวรรษที่ 15 มี 18 ล้านคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในดินแดนของสหรัฐ จนมาถึง ศตวรรษ ที่ 19 ชาวอเมริกันพื้นเมือง มีจำนวนลดลง เหลือน้อยกว่า 300,000 คน
  • การขยายตัวของชาวยุโรปต่างๆ ที่เข้ามาในอเมริกาเหนือ เช่น สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส ด้วยหลายเหตุปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
    • - การตั้งอาณานิคมชาวยุโรป
    • - การแสวงหาผลประโยชน์ จากแผ่นดินใหม่ (ทวีปอเมริกา) ทองคำ -ทรัพยากร-และทาส
    • - นักโทษ ที่ถูกเนรเทศจาก ประเทศอังกฤษ (เป็นส่วนหนึ่งของ การตั้งอาณานิคมอังกฤษ)
    • - หลบหนีการกดขี่ทางศาสนา 
    • - การเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในดินแดนที่ถูกค้นพบ
  • ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ การล่มสลายของวิถีชีวิตชาวอเมริกันพื้นเมือง อาณานิคมในการค้นหาทองคำ ได้เปิดฉากความรุนแรงกับชนเผ่าดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อน สงครามระหว่างชนพื้นเมืองกับคนขาว เกิดขึ้นหลายครั้ง จากการรุกร้ำพื้นที่ชาวพื้นเมือง ของคนขาว นำไปสู่ความขัดแย้งแล้วจบลงด้วยความตาย ของชนพื้นเมืองอเมริกัน จำนวนมาก การไล่ที่ดิน การกดขี่ข่มเขง และการเหยียดสีผิว การเผชิญหน้าจนนำไปสู่สงคราม หลายครั้ง

การตั้งอาณานิคมชาวยุโรป
  • ในขณะที่ประวัติศาสตร์ ของชนพื้นเมืองอเมริกันเริ่มต้นมาหลายพันปี ในอเมริกา ยุโรปเริ่มต้นสำรวจดินแดนใหม่ กับชายคนหนึ่ง ที่มุ่งมั่นจะหาเส้นทางที่ตรงจากยุโรปไปยังเอเชีย, คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (ชาวอีตาลี ภายใต้การสนับสนุน ของราชสำนัก สเปน) ได้ค้นพบทวีปอเมริกา ในปี ค.ศ. 1492 แต่โคลัมบัสไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่เดินทางไปถึง 500 ปีก่อนหน้านั้น นักสำรวจชาวไอซ์แลนด์ เลฟ เอริกสัน ได้ค้นพบทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อ ค.ศ. 1000 
  • โคลัมบัส ไม่ได้เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้พบกับ ''อินเดีย'' (เขาให้คำจำกัดความกับชนพื้นเมืองในอเมริกาว่า "อินดิโอส" แปลว่าชาว อินเดีย) เพราะเขาคิดว่าเขาได้ล่องเรือในมหาสมุทรอินเดีย แต่ในความเป็นจริงดินแดนแห่งนี้ และผู้คนที่เขาค้นพบ คือชนพื้นเมืองในซีกโลกตะวันตก ที่มีอารยธรรมมาเนิ่นนาน นับพันปี
  • การเดินทางมาของเขา (โคลัมบัส) ที่ได้รับเงินสนับสนุน จากราชสำนัก สเปน เขาให้สัญญากับ ราชสำนักสเปน ว่าเขาจะนำทอง และดินแดนใหม่ๆ ซึ่งมีค่ามากกว่าเงินทุนในการสนับสนุน ที่เขาได้รับ เป็นการตอบแทน เมื่อเขามาถึงทวีปอเมริกา เขาได้ประกาศให้ดินแดนเหล่านั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของจักรวรรดิ์ สเปน จุดประสงค์ของการเดินทางไม่ใช่การค้นพบดินแดนใหม่ แต่เป็นการแสวงหาสิ่งมีค่าบนดินแดนใหม่ เมื่อเขาไปถึงอเมริกา เขาได้พบกับชนเผ่าพื้นเมือง คนเหล่านั้นคอยช่วยเหลือเขาและคณะ ทุกอย่าง โคลัมบัส ใช้ความซื่อ และความเชื่อใจ ของอินเดียน ในการแสวงหาผลประโยชน์ เพราะสำหรับอินเดียนแล้ว ความเป็นเพื่อน หรือมิตร จะแสดงออกด้วยการให้ และช่วยเหลือ และสำหรับอินเดียน ทองคำ คือสิ่งที่ธรรมดามากๆ เพราะสามารถหาได้จากแหล่งที่พวกเขาอยู่ อินเดียนแดง สอนให้คณะของโคลัมบัส รู้วิธีเอาตัวรอดบนดินแดนใหม่ โคลัมบัส มองเห็นเส้นทางแห่งความร่ำรวย เขาพยายามหลอกล่อให้อินเดียน บอกว่าทองคำ อยู่ที่ไหน และบังคับพวกเขาด้วยอาวุธ เพื่อไปหาทองคำมาให้ อินเดียนถูกทารุณ จากคณะของโคลัมบัส นอกจากนี้ โคลัมบัส ยังจับพวกอินเดียนกลับไปขายเป็นทาส ในยุโรป ให้พวกคนรวยในยุโรป ซื้อและขาย ความเป็นเจ้าของ ในชีวิตของชนพื้นเมือง และเมื่อพวกอินเดียนแข็งข้อ ลุกขึ้นสู้ โคลัมบัส ก็จะจัดการสังหารทิ้งและเอาทุกอย่างไปจากพวกเขา ในท้ายที่สุด
  • ***ในขณะที่ผู้คนต่างจดจำ โคลัมบัส ว่าเป็นนักผจญภัยที่กล้าหาญ แต่ที่จริง การมาของเขา เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของความขัดแย้ง ที่มาของสงคราม และความหายนะของชนพื้นเมืองอเมริกัน กับหลายร้อยปีของการแสวงหาผลประโยชน์ ในทวีปอเมริกา***(ผู้เขียน)
  • ป.ล.จบตอนที่ 1. (ติดตามตอนต่อไป เนื่องด้วยเวลาส่วนตัวของผู้เขียนมีน้อย หากล่าช้าประการใด ต้องขออภัย ด้วยครับ) ^^
  • ป.ล.2 สำหรับท่านที่ส่งข้อความมาหลังไมค์ แล้วผมไม่เคยตอบกลับ ไม่ต้องแปลกใจนะครับ เนื่องด้วยสาเหตุด้านความปลอดภัยส่วนตัว ผมจึงไม่ได้แอดใครเป็นเพื่อนไว้ ไม่ว่าใครจะส่งข้อความใดๆมา ผมจะไม่ได้รับ และไม่ได้อ่านครับ ขอบคุณ (อาจทำให้มีหลายคนเข้าใจผิดว่า ผมเป็นคนที่หยิ่ง) ^^

หมายเหตุ: แหล่งอ้างอิง จะอยู่ในตอนสุดท้าย

1 ความคิดเห็น:

  1. Do this hack to drop 2lb of fat in 8 hours

    At least 160 thousand men and women are utilizing a simple and secret "liquids hack" to lose 1-2lbs each night in their sleep.

    It is very easy and works on everybody.

    Just follow these easy step:

    1) Grab a drinking glass and fill it with water half glass

    2) Now learn this strange HACK

    you'll be 1-2lbs lighter in the morning!

    ตอบลบ